วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2556

พื้นฐานการพัฒนาหลักสูตรด้านปรัชญา, ด้านจิตวิทยา และด้านสังคม


พื้นฐานทางด้านปรัชญาการศึกษา
ปรัชญาสารัตถนิยมหรือสาระนิยม (essentialism)    ถือว่าบุคคลเป็นส่วนหนึ่งของสังคม และเป็นเครื่องมือของสังคม บุคคลต้องอุทิศตนเพื่อสังคม สะสมมรดกของสังคม และสืบทอดวัฒนธรรมของสังคมให้คงอยู่ต่อไป การจัดการศึกษาตามแนวคิดนี้จึงมีลักษณะเป็นการถ่ายทอด และอนุรักษ์วัฒนธรรมของสังคม เนื้อหาวิชาที่นำมาสอนจะเป็นการเตรียมผู้เรียนให้มีชีวิตที่ดี เช่น การอ่าน การเขียน เลขคณิต ประวัติศาสตร์วรรณคดี ปรัชญา ศาสนา เป็นต้น
ปรัชญานิรันตรนิยม (parennialism) ปรัชญานี้มีความเชื่อว่า สิ่งที่มีความคงทนถาวร ย่อมเป็นสิ่งที่ดีงามเป็นจริงมากกว่าสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ การจัดการศึกษาจึงควรให้เรียนในสิ่งที่ดีงาม มั่นคง มีเสถียรภาพ เนื้อหาวิชาที่เรียนจะเป็นวิชาที่พัฒนาเชาวน์ปัญญาและจิตใจ เช่น วิทยาศาสตร์ ตรรกศาสตร์ ภาษาศาสตร์ วรรณคดี ไวทยากรศิลปะการพูด คณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ และดนตรี ถือเป็นความสำคัญของมนุษย์และเตรียมตัวเพื่อการดำรงชีวิตการจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนทุกคนเรียนเหมือนกันหมด
ปรัชญาพิพัฒนาการนิยม หรือปรัชญาพิพัฒน์นิยม หรือปรัชญาวิวัฒนาการนิยม (progressivism) ปรัชญาการศึกษานี้ถือว่า การศึกษาเป็นเครื่องมือของสังคมในการถ่ายทอดวัฒนธรรมแก่ชนรุ่นหลัง มีความเชื่อว่าการศึกษาเป็นชีวิตมากกว่าเป็นการเตรียมตัวเพื่อชีวิต และส่งเสริมวิธีการแบบประชาธิปไตย การจัดการศึกษาตามแนวนี้จะมุ่งส่งเสริมพัฒนาการเด็กทุกด้าน เน้นการปฏิบัติจริง และความสัมพันธ์กับสภาพจริง การจัดการเรียนรู้ยึด ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ตรง กระบวนการจัดการเรียนรู้มีหลายลักษณะยึดหลักความสนใจของผู้เรียนที่จะแก้ปัญหาสังคมต่าง ๆ วิธีการใช้มากคือ การทำโครงการ การอภิปรายกลุ่ม และการแก้ปัญหาเป็นรายบุคคล
ปรัชญาอัตนิยม หรือปรัชญาอัตถิภาวนิยม หรือปรัชญาสวภาพนิยม(existentialism) ปรัชญานี้  มีความเชื่อว่า ธรรมชาติของคน สภาพแวดล้อมทางสังคมเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ ทุกคนสามารถกำหนดชีวิตของตนเองจึงเน้น การอยู่เพื่อปัจจุบัน การปรับตัวให้เข้ากับสภาพของสังคม เผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ได้อยู่อย่างมีความสุขการจัดการศึกษาจึงให้ ผู้เรียนมีอิสระในการเรียนรู้ การตัดสินใจ สอนให้เด็กเป็นตัวของตัวเอง มีเสรีภาพในการเรียน และเลือกเรียนมีความรับผิดชอบในตนเอง ครูผู้สอนเป็นเพียงผู้ชี้แนะแนวทาง การจัดการเรียนรู้เน้นพัฒนาการของผู้เรียนแต่ละคน วิชาที่เรียนเป็นวิชาที่พัฒนาความสามารถของบุคคลเฉพาะ ลงไป เช่น ศิลปะ ปรัชญา วรรณคดี การเขียน การละครเป็นต้น
ปรัชญาปฏิรูปนิยม(reconstructionism) ปรัชญานี้มีความเชื่อว่าการศึกษาควรจะเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแลงสังคมโดยตรง เน้นการจัดการศึกษาเพื่อสร้างสังคมให้ดี รู้จักการอยู่ร่วมกันในสังคม ช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม ส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย ดังนั้นผู้เรียนต้องหาประสบการณ์ด้วยตนเองให้มาก การจัดหลักสูตรยึดอนาคตเป็นศูนย์กลาง มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ ความสามารถและทัศนคติที่จะออกไปปฏิรูปสังคมให้ดีขึ้น เนื้อหาวิชาเน้นหนักในหมวดสังคมศึกษา ด้านพฤติกรรมศาสตร์ อิทธิพลของชุมชน การจัดการเรียนรู้ ส่งเสริมให้ผู้เรียนสำรวจความสนใจและความต้องการของตนเอง ใช้วิธีสอนแบบให้ผู้เรียนค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง เน้นการอภิปราย การแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องปัญหาของสังคม พร้อมให้ข้อเสนอแนะในการปฏิรูปสังคมด้วย ตารางสอนจัดแบบยืดหยุ่น (flexible schedule)
                 ปรัชญาการศึกษาที่กล่าวมา จะเห็นว่าพื้นฐานทางด้านปรัชญามีความสำคัญต่อการพัฒนาหลักสูตรมาก ดังนั้นการจะพัฒนาหลักสูตรไปในทิศทางใดย่อมขึ้นอยู่กับปรัชญาที่ยึดถือ เพราะแนวคิดทางปรัชญาเป็นเครื่องช่วยกำหนดจุดหมาย หลักการ โครงสร้าง และแนวปฏิบัติของหลักสูตรให้ชัดเจนขึ้น ดังนั้นนักพัฒนาหลักสูตรจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในปรัชญาการศึกษาอย่างลึกซึ้ง และสามารถนำไปใช้ได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการ ในปัจจุบันนี้การพัฒนาหลักสูตรมักเป็นการผสมผสาน ลักษณะของปรัชญาหลาย ๆ ปรัชญาเข้าด้วยกันมิได้ร่างหลักสูตรขึ้นมาตามแนวปรัชญาใดปรัชญาหนึ่ง เนื่องจากแนวคิดของแต่ละปรัชญามีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ดังนั้นนักพัฒนาหลักสูตรจึงเลือกนำแนวคิดจากปรัชญา ต่าง ๆ มาผสมผสานและเลือกใช้ตามความเหมาะสม เรียกว่า ปรัชญาการศึกษาผสมผสาน(electicism) เพื่อให้สามารถจัดการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมหลาย ๆ ด้านพัฒนาผู้เรียนให้สมบูรณ์และสมดุล และสอดคล้องกับความต้องการของสังคม


พื้นฐานทางด้านจิตวิทยา
ในการจัดทำหลักสูตรนั้น ต้องคำนึงอยู่เสมอว่าต้องพยายามจัดหลักสูตรให้สนองความต้องการและความสนใจของผู้เรียนอย่างแท้จริง ด้วยการศึกษาข้อมูล พื้นฐานเกี่ยวกับตัวผู้เรียนว่าผู้เรียนเป็นใคร มีความต้องการและความสนใจอะไร มีพฤติกรรมอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับจิตวิทยาทั้งสิ้น ดังนั้นข้อมูลพื้นฐานทางด้านจิตวิทยาจึงเป็นส่วนสำคัญที่นักพัฒนาหลักสูตรจะละเลยมิได้ในการนำมาวางรากฐานหลักสูตร เช่น การกำหนดจุดมุ่งหมายหลักสูตร การกำหนดเนื้อหาวิชา และการจัดการเรียนรู้ เพื่อให้ได้หลักสูตรที่เหมาะสม ที่สุดนักพัฒนาหลักสูตรจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของจิตวิทยา โดยเฉพาะ จิตวิทยาพัฒนาการ  (developmental psychology) และจิตวิทยาการเรียนรู้ (psychology of learning) ซึ่งจิตวิทยาทั้ง 2 สาขานี้จะเกี่ยวข้องกับการจัดทำหลักสูตรโดยตรง นอกจากนี้ นักพัฒนาหลักสูตรยังให้ความสำคัญกับจิตวิทยาทั่วไป (generalpsychology) ในส่วนที่เกี่ยวกับการส่งเสริมการเรียนรู้ของมนุษย์ด้วยเช่นกันจิตวิทยาพัฒนาการกับการพัฒนาหลักสูตร จิตวิทยาพัฒนาการจะบอกถึงพัฒนาการของมนุษย์ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และเชาวน์ปัญญา ทำให้ทราบถึงความสามารถ ความสนใจ ความต้องการ เจตคติ และศักยภาพด้านต่าง ๆ ที่แตกต่างกันของผู้เรียนแต่ละคนองค์ประกอบของพัฒนาการของมนุษย์ มี 2 ประการคือ
1. วุฒิภาวะ (maturity) หมายถึง กระบวนของความเจริญเติบโตสูงสุดของอินทรีย์ในร่างกายที่ทำให้เกิดความพร้อมที่จะทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งในขณะนั้นโดยไม่ต้องอาศัยการฝึกฝนหรือเรียนรู้ใด ๆ หรือเป็นไปโดยธรรมชาติ
2. การเรียนรู้ (learning) เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอันเป็นผลมาจาก ประสบการณ์ การเรียนรู้อาจเกิดขึ้นด้วยการจูงใจ หรืออาจเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจก็ได้


พื้นฐานทางด้านสังคมและวัฒนธรรม
บทบาทหน้าที่ที่สำคัญของการศึกษา คือการอนุรักษ์และถ่ายทอดวัฒนธรรมที่ดีงามและสังคมไปสู่คนรุ่นหลังและปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมทางสังคมให้สอดคล้อง ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยากรด้านต่าง ๆ รวมทั้ง สนองความต้องการและช่วยแก้ปัญหาสังคมในด้านต่าง ๆ ดังนั้นการศึกษา จึงเป็นเครื่องมือในการควบคุมการเปลี่ยนแปลงของสังคมให้เป็นไปในทิศทางที่พึ่งปรารถนา การพัฒนาหลักสูตรจึงต้องให้มีความสอดคล้องกับสภาพทางสังคมและวัฒนธรรมที่แปรเปลี่ยนได้อยู่เสมอ จึงจะสามารถแก้ปัญหาและสนองความต้องการของสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพสังคมกับการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาทำหน้าที่พัฒนาผู้เรียนซึ่งเป็นสมาชิกทางสังคมให้สามารถนำความรู้ความสามารถไปพัฒนาสังคมในการพัฒนาหลักสูตรจึงต้องเริ่มจากข้อมูลต่าง ๆ ของสังคม แล้วจึงกำหนดปัญหาหรือสิ่งที่สังคมต้องการ จนกลายมาเป็นจุดมุ่งหมาย เนื้อหาสาระและกิจกรรมต่าง ๆ บรรจุลงในหลักสูตร เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการศึกษาให้กับผู้เรียนได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและมีคุณค่าต่อผู้เรียนและต่อสังคมอย่างแท้จริงหน้าที่ทางการศึกษาในส่วนที่เกี่ยวกับสังคม ทำให้การศึกษาและสังคมมีความสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก และเป็นความสัมพันธ์ที่มีลักษณะเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน หรือต่างฝ่ายต่างมีอิทธิพลต่อกัน กล่าวคือเมื่อเกิดมีความเปลี่ยนแปลงหรือความต้องการใด ๆ ขึ้นในสังคมการศึกษาก็ย่อมได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนั้นคือต้องมีการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรการศึกษาให้สนองความต้องการทางสังคม ในทำนองเดียวกันเมื่อบุคคลในสังคมได้รับการอบรมจาก
การศึกษาหรือได้รับการศึกษาสูงขึ้นออกมาทำหน้าที่ต่างๆในสังคม ก็ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในสังคม เช่นเดียวกัน  ดังนั้นในการพัฒนาหลักสูตรจะต้องพิจารณาว่าใช้หลักฐานกับคนในสังคมใดก็ต้องคำนึงถึงลักษณะของคนในสังคมนั้นว่าจะให้มีลักษณะแบบใด ลักษณะใดที่ต้องการให้เกิดขึ้นและลักษณะใดไม่พึงประสงค์ แล้วกำหนดใช้ในหลักสูตรและแนวดำเนินการของหลักสูตร
วัฒนธรรมกับการพัฒนาหลักสูตร
สิ่งที่ประพฤติประพฤติในสังคมจนเป็นที่ยอมรับว่าดีงามจนกลายเป็นเอกลักษณ์ในสังคมคือวัฒนธรรม คนในสังคมเดียวกันจะมีวัฒนธรรมที่เหมือนกัน วัฒนธรรมจึงเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นสังคมเดียวกัน ชาติเดียวกันวัฒนธรรมสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตาม กาลเวลาด้วยเหตุปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงด้านการปกครอง การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ กระแสโลกาภิวัฒน์ วิทยาการความเจริญก้าวหน้าต่าง ๆ เป็นต้น การศึกษาจึงทำหน้าที่ทำนุบำรุงรักษาและถ่ายทอดวัฒนธรรมเก่าที่ดีงาม คัดสรรค์วัฒนธรรมใหม่ที่เข้ามาว่าวัฒนธรรมใดควรรับไว้ วัฒนธรรมใดควรปรับปรุงแก้ไข่ให้เหมาะสมกับสภาพของสังคม วัฒนธรรมใดควรสกัดกั้น โดยการบรรจุวัฒนธรรมที่สังคมต้องการถ่ายทอดและสงวนรักษาไว้ในหลักสูตร สกัดกั้นวัฒนธรรมที่ไม่พึงประสงค์ที่จะเข้ามาทำลายความเป็นเอกลักษณ์ของชาติของสังคม
ดังนั้นการพัฒนาหลักสูตรจึงต้องคำนึงถึงวัฒนธรรมประจำชาติ ความเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรม การยอมรับและปรับปรุงวัฒนธรรมในสังคมให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไปในทางที่เหมาะสมกับสังคม นอกจากนี้ในการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรจะต้องฝึกให้ผู้เรียนมีวิจารณญาณในการพิจารณาวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่มีอยู่และที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาในสังคมว่าดีหรือไม่ดีอย่างไรควรตัดสินใจรับไว้หรือไม่ รวมทั้งการสร้างภูมิต้านทานต่อวัฒนธรรมที่ไม่พึงประสงค์ให้เกิดขึ้นในตัวผู้เรียนด้วย เพื่อตอบสนองความต้องการของสังคมและพัฒนาสังคมไปพร้อมกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น